FUHRER WIRE AND CABLE
News & Articles
รู้จักมาตรฐานสายไฟ

รู้จักมาตรฐานสายไฟ เพื่อความปลอดภัยและการใช้งานที่ถูกต้อง

สายไฟคือเส้นเลือดของระบบไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน การเลือกใช้สายไฟที่ “ถูกต้องตามมาตรฐานสายไฟ” จึงเป็นหัวใจของความปลอดภัย ปัจจุบัน ประเทศไทยได้ยกระดับมาตรฐานสายไฟฟ้า จาก มอก. 11-2553 สู่ มอก. 11-2559 ซึ่งเป็นมาตรฐานสายไฟล่าสุด เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล (IEC) วันนี้ Fuhrer ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสายไฟฟ้าคุณภาพสูง จะมาเจาะลึกมาตรฐานสายไฟฉบับนี้ เพื่อการใช้งานที่ถูกต้อง

มาตรฐานสายไฟ มอก. คืออะไร ทำไมต้องมี

มอก. ย่อมาจาก “มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม” (Thai Industrial Standard – TIS) เป็นเครื่องหมายที่ออกโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อรับรองคุณภาพของผลิตภัณฑ์ว่ามีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน

สำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มาตรฐานสายไฟ มอก. ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือ “ข้อบังคับ” ที่ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายทุกรายต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เหตุผลที่ต้องมีมาตรฐานสายไฟ มอก. นั้นชัดเจน นั่นคือ “ความปลอดภัย”

สายไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงสูง หากไม่ได้มาตรฐาน อาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร ฉนวนเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด เกิดความร้อนสูงสะสมจนเกิดอัคคีภัย หรือแม้กระทั่งอันตรายถึงชีวิตผู้ใช้งาน มาตรฐานสายไฟฟ้าจึงทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันด่านแรก โดยกำหนดคุณสมบัติสำคัญตั้งแต่ขนาดของตัวนำทองแดง, ความบริสุทธิ์ของทองแดง, ความหนาของฉนวน, ความสามารถในการทนต่อแรงดันไฟฟ้า และความทนทานต่อสภาพแวดล้อม การมีอยู่ของ มอก. จึงเป็นการสร้างบรรทัดฐานเดียวกันให้ผู้ผลิตทุกราย และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค วิศวกร และช่างติดตั้ง

ความสำคัญของ มอก. ต่อสายไฟฟ้า

ความสำคัญของมาตรฐานสายไฟ มอก. นั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การป้องกันอัคคีภัย แต่ยังครอบคลุมถึงประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าทั้งหมด

  1. การันตีความปลอดภัย (Safety) นี่คือหัวใจหลัก มอก. บังคับใช้เกณฑ์การทดสอบที่เข้มงวด เช่น การทดสอบการทนไฟ (Flame Retardant), การทดสอบพิกัดแรงดัน (Voltage Rating) และการทดสอบความต้านทานของฉนวน (Insulation Resistance) เพื่อให้มั่นใจว่าสายไฟสามารถทนต่อสภาวะการใช้งานปกติและผิดปกติ (เช่น ไฟกระชากชั่วขณะ) ได้
  2. ความน่าเชื่อถือของระบบ (Reliability) สายไฟที่ได้มาตรฐานสายไฟฟ้า จะมีค่าความต้านทานตัวนำ (Conductor Resistance) ที่ถูกต้องตามเกณฑ์ หมายความว่าสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียพลังงานในสาย (Voltage Drop) และป้องกันปัญหาสายไฟร้อนเมื่อใช้งานเต็มพิกัด
  3. ความเข้ากันได้ (Interoperability) การมีมาตรฐานสายไฟ เดียวกัน ทำให้วิศวกรและช่างไฟสามารถออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้าได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะใช้สายไฟจากผู้ผลิตรายใด (ตราบใดที่ได้ มอก. เดียวกัน) อุปกรณ์ต่างๆ เช่น เบรกเกอร์ ท่อร้อยสายไฟ หรือเต้ารับ ก็จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์
  4. การคุ้มครองผู้บริโภค (Consumer Protection) มอก. ช่วยคัดกรองผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพออกจากตลาด ป้องกันผู้บริโภคจากการถูกหลอกลวงด้วยสายไฟราคาถูกที่ใช้วัสดุด้อยคุณภาพ เช่น ทองแดงที่ไม่บริสุทธิ์ หรือฉนวน PVC ที่รีไซเคิลมาโดยไม่ผ่านเกณฑ์

รู้จัก มอก. 11-2553 (มาตรฐานเดิม)

ก่อนที่เราจะก้าวสู่ยุคปัจจุบัน เราต้องทำความเข้าใจมาตรฐานสายไฟ เดิมเสียก่อน นั่นคือ มอก. 11-2553 ซึ่งเป็นมาตรฐานสายไฟฟ้า สำหรับสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) สำหรับแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 โวลต์

มอก. 11-2553 ถือเป็นมาตรฐานหลักที่คนไทยคุ้นเคยกันมานานหลายปี เป็นตัวกำหนดคุณสมบัติของสายไฟยอดนิยมที่เราใช้กันในอาคารบ้านเรือนทั่วไป เช่น สาย VAF (สายแบนสีขาว), สาย THW (สายเดี่ยวสำหรับร้อยท่อ), สาย VCT (สายกลมดำ) และสาย NYY (สายสำหรับฝังดินในยุคนั้น)

มาตรฐานนี้ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างดีในการควบคุมคุณภาพสายไฟในประเทศ อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นและการค้าโลกที่เปิดกว้าง ทำให้มาตรฐานสายไฟของไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสากลมากขึ้น เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าและยกระดับความปลอดภัยให้เทียบเท่าระดับนานาชาติ

สู่ มอก. 11-2559 (มาตรฐานใหม่) ทำไมต้องเปลี่ยน?

การเปลี่ยนแปลงสู่มาตรฐานสายไฟ มอก. 11-2559 ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่เป็นการ “ปฏิวัติ” มาตรฐานสายไฟฟ้าแรงดันต่ำของไทย เหตุผลหลักในการอัปเดตครั้งใหญ่นี้ คือการปรับปรุงมาตรฐานสายไฟฟ้าของไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล IEC 60227 (IEC: International Electrotechnical Commission) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

ปัญหาของมาตรฐานเดิม (มอก. 11-2553) ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

  • ความไม่สอดคล้องกับสากล มาตรฐานเดิมมีรายละเอียดทางเทคนิคบางประการ (เช่น โครงสร้างสาย, พิกัดแรงดันบางประเภท, และการทดสอบ) ที่แตกต่างจาก IEC 60227 ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพ
  • ความสับสนในการใช้งาน ตัวอย่างที่ชัดเจน  คือ “สาย NYY” เดิม แม้ในทางปฏิบัติจะมีการนำไปฝังดิน แต่โครงสร้างสายตาม มอก. 11-2553 นั้น ไม่สอดคล้องกับมาตรฐาน IEC 60502 หรือมาตรฐานอื่นที่ยอมรับสำหรับการฝังดินโดยตรงอย่างแท้จริง ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนและความเสี่ยงในทางปฏิบัติ
  • สีของสายไฟ ระบบสีของ มอก. 11-2553 (เช่น L1-ดำ, L2-แดง, L3-น้ำเงิน, N-เทา) เป็นระบบที่ใช้เฉพาะในประเทศไทย (หรือใกล้เคียง) แต่แตกต่างจากมาตรฐานสากล (IEC) และมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา (NEC) โดยสิ้นเชิง ก่อให้เกิดปัญหาเมื่อต้องทำงานกับอุปกรณ์นำเข้า หรือเมื่อวิศวกร/ช่างไฟต้องทำงานในโครงการระดับนานาชาติ

ดังนั้นการมาของมาตรฐานสายไฟ มอก. 11-2559 จึงเป็นการยกระดับครั้งสำคัญ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ทำให้ มาตรฐานสายไฟ ของไทยเป็นสากล (Harmonization) เพิ่มความปลอดภัยสูงสุด และสร้างความชัดเจนในการเลือกใช้ ชนิดของสายไฟมาตรฐานใหม่ ให้ถูกต้องตามประเภทการติดตั้ง

มาตรฐานสายไฟใหม่ (มอก. 11-2559) เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

การปรับปรุงสู่มาตรฐานสายไฟ มอก. 11-2559 ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนตัวเลข แต่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหลายประการที่ส่งผลต่อการออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้าโดยตรง

1. การเปลี่ยนแปลงด้านพิกัดแรงดันไฟฟ้า (Voltage Rating)

ใน มาตรฐานสายไฟใหม่ มอก. 11-2559 ได้มีการจัดกลุ่มพิกัดแรงดันไฟฟ้า Uo/U (ยูศูนย์/ยู) ให้ชัดเจนตามมาตรฐาน IEC

  • Uo (ยูศูนย์) คือค่าแรงดันไฟฟ้าที่กำหนด (Rated Voltage) ระหว่างตัวนำเฟส (Phase) เทียบกับดิน (Earth)
  • U (ยู) คือค่าแรงดันไฟฟ้าที่กำหนด (Rated Voltage) ระหว่างตัวนำเฟส (Phase) เทียบกับตัวนำเฟส (Phase)

มาตรฐานสายไฟใหม่ได้กำหนดพิกัดแรงดันไฟฟ้าสำหรับสายไฟที่ใช้งานทั่วไปใน 2 ระดับหลัก คือ

  1. 300/500V สำหรับสายไฟที่ใช้งานเบา หรือสายไฟอ่อน (Flexible cords) เช่น สาย VCT (ชนิด IEC 53)
  2. 450/750V สำหรับสายไฟที่ใช้ในการติดตั้งถาวร (Fixed wiring) เช่น สาย 60227 IEC 01 (เทียบเท่า THW เดิม) หรือ 60227 IEC 02 (เทียบเท่า THW-Fเดิม)

แม้ว่าพิกัด 450/750V จะดูเหมือนเดิม แต่การจัดประเภทสายไฟให้เข้ากับพิกัดแรงดันนี้มีความชัดเจนตาม IEC มากขึ้น ทำให้การเลือกใช้สายไฟสำหรับระบบ 1 เฟส (230V) และ 3 เฟส (400V) มีความแม่นยำทางวิศวกรรมยิ่งขึ้น

2. การเปลี่ยนชื่อเรียกสายไฟให้เป็นสากล

นี่คือหนึ่งในชนิดของสายไฟมาตรฐานใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด จากเดิมที่เราคุ้นเคยกับชื่อ VAF, THW, VCT, NYY มาตรฐานสายไฟ มอก. 11-2559 ได้เปลี่ยนมาใช้ “รหัส” ตามมาตรฐาน IEC 60227 เพื่อให้เป็นสากล

  • สาย THW (เดิม) -> เปลี่ยนเป็น 60227 IEC 01
  • สาย THW-F (เดิม) -> เปลี่ยนเป็น 60227 IEC 02
  • สาย VCT (บางประเภท) -> เปลี่ยนเป็น 60227 IEC 53
  • สาย NYY (บางประเภท) -> เปลี่ยนเป็น 60227 IEC 10

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติและเพื่อป้องกันความสับสน ผู้ผลิตสายไฟคุณภาพสูงอย่าง Fuhrer มักจะพิมพ์ “ทั้งชื่อเดิมและรหัสใหม่” ลงบนฉนวนสายไฟ (เช่น “60227 IEC 02 VAF THW-F”) เพื่อให้ช่างไฟและผู้ใช้งานทั่วไปยังคงเข้าใจได้ง่าย ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามมาตรฐานสายไฟฉบับใหม่

3. การเปลี่ยนแปลงสีของฉนวนสายไฟ (จุดสำคัญที่ผู้ใช้ต้องรู้)

การเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อหน้างานมากที่สุด คือ “สีของฉนวน” มาตรฐานสายไฟ มอก. 11-2559 ได้ยกเลิกระบบสีเก่า (ดำ-แดง-น้ำเงิน) และนำระบบสีตามมาตรฐาน IEC มาใช้บังคับ เพื่อให้สอดคล้องกับสากลและลดความผิดพลาดในการติดตั้ง

  • สายนิวทรัล (N) เปลี่ยนจาก สีเทาอ่อน (เดิม) เป็น สีฟ้า (Blue)
  • สายดิน (G) เปลี่ยนจาก สีเขียว (เดิม) เป็น สีเขียวแถบเหลือง (Green/Yellow)
  • สายเฟส (L) ระบบ 1 เฟส เปลี่ยนจาก สีดำ (เดิม) เป็น สีน้ำตาล (Brown)
  • สายเฟส (L) ระบบ 3 เฟส เปลี่ยนจาก L1-ดำ, L2-แดง, L3-น้ำเงิน (เดิม) เป็น L1-น้ำตาล (Brown), L2-ดำ (Black), L3-เทา (Grey)

การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะ “สีฟ้า” ซึ่งในระบบเดิมอาจถูกใช้เป็นสายเฟส (L3) แต่ในมาตรฐานสายไฟใหม่ “สีฟ้า” ถูกบังคับให้เป็นสายนิวทรัล (N) เท่านั้น การจดจำสีใหม่นี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นสูงสุดเพื่อป้องกันการต่อวงจรผิดพลาด

ตารางสรุปการเปลี่ยนแปลงสายไฟ มอก. 11-2553 vs. 2559

รายการมอก. 11-2553 (มาตรฐานเดิม)มาตรฐานสายไฟ มอก. 11-2559 (มาตรฐานใหม่)
มาตรฐานอ้างอิงหลักอ้างอิง TIS (มาตรฐานเดิมของไทย)อ้างอิง IEC 60227 เป็นหลัก (มาตรฐานสากล)
พิกัดแรงดัน(ทั่วไป)300/500V, 450/750V300/500V, 450/750V (มีการจัดกลุ่มสายไฟใหม่)
ชื่อเรียกสาย(ตัวอย่าง)VAF, THW, VCT, NYY60227 IEC 02 (THW-F), 60227 IEC 01 (THW), 60227 IEC 53 (VCT), 60227 IEC 10 (NYY)
สีฉนวน(ระบบ 1 เฟส)L: ดำ, N: เทาอ่อน, G: เขียวL: น้ำตาล, N: ฟ้า, G: เขียวแถบเหลือง
สีฉนวน(ระบบ 3 เฟส)L1: ดำ, L2: แดง, L3: น้ำเงิน, N: เทาอ่อน, G: เขียวL1: น้ำตาล, L2: ดำ, L3: เทา, N: ฟ้า, G: เขียวแถบเหลือง

ตารางเทียบสีสายไฟมาตรฐานใหม่ (มอก. 11-2559) เทียบมาตรฐานเก่า

การใช้งาน / ระบบมาตรฐานเดิม (มอก. 11-2553)มาตรฐานสายไฟ ใหม่ (มอก. 11-2559)
ระบบ 1 เฟส (2 สาย)L: ดำ N: เทาอ่อนL: น้ำตาล N: ฟ้า
ระบบ 1 เฟส (3 สาย – มีสายดิน)L: ดำ N: เทาอ่อน G: เขียวL: น้ำตาล N: ฟ้า G: เขียวแถบเหลือง
ระบบ 3 เฟส (4 สาย)L1: ดำ L2: แดง L3: น้ำเงิน N: เทาอ่อนL1: น้ำตาล L2: ดำ L3: เทา N: ฟ้า
ระบบ 3 เฟส (5 สาย – มีสายดิน)L1: ดำ L2: แดง L3: น้ำเงิน N: เทาอ่อน G: เขียวL1: น้ำตาล L2: ดำ L3: เทา N: ฟ้า G: เขียวแถบเหลือง

เจาะลึกชนิดของสายไฟมาตรฐานใหม่ (มอก. 11-2559) ที่ใช้ในบ้านและอาคาร

แม้ชื่อเรียกจะเปลี่ยนไป แต่ นิดของสายไฟมาตรฐานใหม่ที่ใช้งานหลักในอาคารและบ้านเรือนยังคงมีคุณสมบัติและการใช้งานที่คุ้นเคย แต่ปรับปรุงให้ดีขึ้นตาม มาตรฐานสายไฟ ใหม่

สาย THW-F (IEC02)- สายแบนยอดนิยมสำหรับเดินในอาคาร

มาตรฐานสายไฟ สาย THW-F
  • รหัสมาตรฐานใหม่ 60227 IEC 02
  • ชื่อเดิม (Common Name) THW-F
  • โครงสร้าง ตัวนำทองแดง (ตีเกลียวอ่อนตัวได้), หุ้มฉนวน PVC 
  • พิกัดแรงดัน 450/750V (ตาม มอก. 11-2559)
  • การใช้งาน เป็นสายไฟที่นิยมสำหรับเดินภายในอาคารที่พักอาศัย ใช้เดินในช่องเดินสาย (Wireway)
    ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ร้อยท่อฝังดิน หรือฝังดินโดยตรง และห้ามเดินนอกอาคาร

สาย VCT (IEC 53 / IEC 57) – สายกลมสำหรับงานที่ต้องการความทนทาน

มาตรฐานสายไฟ สาย VCT
  • รหัสมาตรฐานใหม่ 60227 IEC 53 (สำหรับสายอ่อนทั่วไป) หรือ 60227 IEC 57 (สำหรับทนน้ำมัน)
  • ชื่อเดิม (Common Name) VCT หรือ สายวีซีที
  • โครงสร้าง ตัวนำทองแดง (ตีเกลียว, อ่อนตัวได้), หุ้มฉนวน PVC, เปลือกนอก PVC, ลักษณะสายกลม มีหลายแกน (2, 3, 4 แกน)
  • พิกัดแรงดัน 300/500V (สำหรับ IEC 53)
  • การใช้งาน เป็นสายไฟที่ออกแบบมาเพื่องานที่ต้องการความอ่อนตัวและทนทานต่อการเคลื่อนที่ เช่น สายพ่วงปลั๊กไฟ, สายไฟสำหรับเครื่องจักรอุตสาหกรรมที่เคลื่อนที่, ปั๊มน้ำ หรือใช้งานภายนอกอาคาร (แต่ควรมีการป้องกัน) สามารถทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่า VAF

สาย NYY, NYY-G (IEC 10) – สายสำหรับฝังดินตามมาตรฐานใหม่

มาตรฐานสายไฟ สาย NYY, NYY-G
  • รหัสมาตรฐานใหม่ NYY, NYY-G (สำหรับแรงดัน 450/750V) หรืออ้างอิง IEC 60502-1 สำหรับแรงดัน 0.6/1kV
  • ชื่อเดิม (Common Name) NYY หรือ สายเอ็นวายวาย
  • โครงสร้าง ตัวนำทองแดง (ตีเกลียว), หุ้มฉนวน PVC, มีเปลือกชั้นใน (Inner Sheath) และเปลือกนอก PVC (Outer Sheath) ลักษณะสายกลมสีดำ มีความหนาและทนทานสูง
  • พิกัดแรงดัน 450/750V (ตาม มอก. 11-2559)
  • การใช้งาน นี่คือสายไฟที่ถูกกำหนดมาให้ใช้งานฝังดินโดยเฉพาะ หรือร้อยท่อฝังดินได้ เนื่องจากโครงสร้างเปลือก 2 ชั้นที่แข็งแรง ทนทานต่อความชื้น สภาพแวดล้อมใต้ดิน และแรงกระแทกได้ดีกว่าสายชนิดอื่น

สายไฟ มอก. 11-2553 (มาตรฐานเดิม) ที่ยังมีการใช้งาน (เช่น สาย IEC 01)

แม้ว่า มาตรฐานสายไฟ มอก. 11-2559 จะเป็นมาตรฐานบังคับปัจจุบัน แต่สายไฟที่ผลิตตามมาตรฐาน มอก. 11-2553 (มาตรฐานเดิม) ที่ยังคงค้างอยู่ในสต็อกของผู้จำหน่าย ยังคงสามารถใช้งานได้ (จะกล่าวละเอียดใน H2 ถัดไป)

นอกจากนี้ สายไฟบางชนิดที่เป็นที่นิยมอย่างสูงในมาตรฐานเดิม ก็ถูกนำมาบรรจุในมาตรฐานสายไฟใหม่ด้วยรหัส IEC เช่น “สาย THW” (เดิม) ซึ่งเป็นสายแกนเดี่ยวที่ใช้ร้อยท่อในอาคาร ได้ถูกกำหนดรหัสใหม่เป็น 60227 IEC 01 ใน มอก. 11-2559

ดังนั้น แม้เราจะอ้างอิง มอก. 11-2559 เป็นหลัก แต่สายไฟที่เคยอยู่ภายใต้ มอก. 11-2553 เช่น VAF, VCT, THW ก็คือชนิดของสายไฟมาตรฐานใหม่ที่ถูกยกระดับและเปลี่ยนชื่อเรียกให้เป็นสากลนั่นเอง การทำความเข้าใจความเชื่อมโยงนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับช่างไฟในยุคเปลี่ยนผ่าน

วิธีการอ่านรหัสและสีสายไฟตามมาตรฐาน มอก. 11-2559

วิธีการอ่านรหัสและสีสายไฟตามมาตรฐาน

การทำความเข้าใจมาตรฐานสายไฟใหม่ รวมถึงการอ่านรหัสบนสายและการจดจำสีที่ถูกต้อง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับวิศวกรและช่างไฟเพื่อความปลอดภัย

การอ่านตัวย่อและตัวเลขบนสายไฟ บอกอะไรเราบ้าง

บนฉนวนของสายไฟที่ได้มาตรฐานสายไฟจะมีการพิมพ์ข้อมูลสำคัญไว้เสมอ เราสามารถถอดรหัสได้ดังนี้:

  • 60227 IEC 53 คือ รหัสมาตรฐานสากลและชนิดของสายไฟ (ในที่นี้คือ IEC 53 หรือสาย VCT อ่อน)
  • VCT คือ ชื่อเรียกทั่วไป (Common Name) ที่ผู้ผลิตมักใส่ไว้เพื่อง่ายต่อการจดจำ
  • 3×1.5
  • 3 หมายถึง จำนวนแกน (Cores) ภายในสายเส้นนี้ (มี 3 แกน)
  • 1.5 หมายถึง ขนาดพื้นที่หน้าตัดของตัวนำ (Conductor Size) ในหน่วยตารางมิลลิเมตร (SQ.MM.)
  • SQ.MM. คือหน่วยของขนาดตัวนำ (Square Millimeter)
  • FUHRER (หรือชื่อผู้ผลิต) แสดงถึงแบรนด์ผู้ผลิต
  • 300/500 V คือ พิกัดแรงดันไฟฟ้า (Uo/U)
  • TIS 11 PART 5-2553 คือ มาตรฐานสายไฟฟ้า มอก. ที่สายเส้นนี้ได้รับการรับรอง (ในที่นี้ Part  5 คือข้อกำหนดทั่วไป และอาจตามด้วย Part อื่นๆ ที่ระบุชนิดสาย)

การอ่านข้อมูลเหล่านี้เป็น ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเราหยิบ ชนิดของสายไฟมาตรฐานใหม่ ได้ถูกต้องตรงตามแบบ (Specification) ที่วิศวกรออกแบบไว้

ถอดรหัสสีสายไฟมาตรฐาน มอก. L1, L2, L3, N, G หมายถึงอะไร

นี่คือส่วนที่ต้องจดจำให้แม่นยำที่สุดใน มาตรฐานสายไฟ มอก. 11-2559 เพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงจากการต่อสายไฟผิด

  • L1, L2, L3 (Line)

คือ “สายเฟส” หรือ “สายมีไฟ” (Phase / Line Conductor) เป็นสายที่นำกระแสไฟฟ้ามาจากแหล่งจ่ายไฟ มีแรงดันไฟฟ้าสูงเมื่อเทียบกับดิน

สีมาตรฐานใหม่

  • L1: สีน้ำตาล (Brown)
  • L2: สีดำ (Black)
  • L3: สีเทา (Grey)

(ในระบบ 1 เฟส จะใช้ L1 (สีน้ำตาล) เส้นเดียว)

  • N (Neutral)

คือ “สายนิวทรัล” หรือ “สายศูนย์” (Neutral Conductor) เป็นสายที่ต่อกลับไปยังแหล่งจ่ายไฟเพื่อให้วงจรครบสมบูรณ์ ในสภาวะปกติ (ระบบสมดุล) สายนิวทรัลจะมีแรงดันไฟฟ้าใกล้เคียง 0 โวลต์เมื่อเทียบกับดิน

สีมาตรฐานใหม่ สีฟ้า (Blue) (ข้อควรระวังสูงสุด: สีฟ้าในระบบเก่าเคยเป็น L3)

  • G (Ground)

คือ “สายดิน” หรือ “สายตัวนำป้องกัน” (Protective Conductor – PE) เป็นสายที่ไม่ได้ใช้ในวงจรไฟฟ้าปกติ แต่ใช้เพื่อความปลอดภัย โดยต่อเข้ากับโครงโลหะของอุปกรณ์ไฟฟ้าและหลักดิน เมื่อเกิดไฟฟ้ารั่ว กระแสไฟฟ้าจะไหลลงดินผ่านสายนี้ ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานถูกไฟดูด

สีมาตรฐานใหม่ สีเขียวแถบเหลือง (Green/Yellow)

ข้อควรรู้และข้อควรระวังในการเลือกใช้งานสายไฟมาตรฐานใหม่

การเปลี่ยนผ่าน มาตรฐานสายไฟ ย่อมมีข้อควรพิจารณาในหน้างานจริง ทั้งเรื่องสต็อกเก่าและการเชื่อมต่อระบบ เพื่อให้ มาตรฐานสายไฟฟ้า ถูกบังคับใช้อย่างสมบูรณ์

การเลือกใช้สายไฟมาตรฐานเก่า (มอก. 11-2553) ที่ยังค้างสต็อก ทำได้หรือไม่

ตามประกาศของ สมอ. สายไฟฟ้าที่ผลิตตามมาตรฐานสายไฟ มอก. 11-2553 (มาตรฐานเดิม) ที่ผลิตและมีอยู่ในท้องตลาด ก่อน วันที่มาตรฐานใหม่มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ ยังคงสามารถจำหน่ายและใช้งานได้จนกว่าสินค้าจะหมดไป

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติสำหรับโครงการก่อสร้างใหม่ หรือการปรับปรุงระบบไฟฟ้าในปัจจุบัน วิศวกรผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน และผู้รับเหมา ควรเลือกใช้สายไฟตามมาตรฐานสายไฟ มอก. 11-2559 (มาตรฐานใหม่) เท่านั้น เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายปัจจุบัน, เพื่อความปลอดภัยสูงสุด, และเพื่อให้การซ่อมบำรุงในอนาคตเป็นไปอย่างถูกต้อง (โดยเฉพาะเรื่องสีของสายไฟ) การใช้สายมาตรฐานเก่าอาจทำให้เกิดความสับสนและไม่ผ่านการตรวจสอบงานในที่สุด

การต่อสายไฟระบบเก่า (สีเดิม) กับระบบใหม่ (สีใหม่)

นี่คือสถานการณ์ที่พบบ่อยที่สุดในการรีโนเวทบ้านหรืออาคารเก่า ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมาก! เช่น การต่อเติมปลั๊กไฟในห้องที่ใช้สายไฟเก่า (L-ดำ, N-เทา) กับสายไฟใหม่ (L-น้ำตาล, N-ฟ้า)

ข้อควรระวังสูงสุด คือการต่อสายนิวทรัล (N) และสายเฟส (L)

  • ระบบเก่า L3 คือ สีน้ำเงิน
  • ระบบใหม่ N คือ สีฟ้า

(สีใกล้เคียงกันมาก แต่ทำหน้าที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง!)

วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง (E-E-A-T)

  1. ห้ามจำสีเพียงอย่างเดียว ช่างไฟต้องใช้เครื่องมือวัด (เช่น มัลติมิเตอร์ หรือ ไขควงวัดไฟ) เพื่อ “พิสูจน์ทราบ” หน้าที่ของสายไฟเก่าทีละเส้น ว่าเส้นใดคือ L, N, และ G จริงๆ
  2. ทำเครื่องหมาย (Marking) เมื่อต้องต่อสายเก่าเข้ากับสายใหม่ในจุดเชื่อมต่อ (Junction Box) ให้ใช้เทปพันสายไฟสีมาตรฐานใหม่ (น้ำตาล, ฟ้า, เขียว/เหลือง) หรือใช้ปลอกหุ้มสาย (Wire Marker) พันหรือสวมทับปลายสายไฟเก่า เพื่อระบุหน้าที่ใหม่ให้ชัดเจนก่อนทำการเชื่อมต่อ
  3. การเชื่อมต่อต้องแน่นหนาและหุ้มฉนวนอย่างถูกต้อง

กล่าวถึงมาตรฐานอื่นสั้นๆ

สำหรับมาตรฐานสายไฟ มอก. 11-2559 นับเป็นมาตรฐานที่ครอบคลุมสายไฟฟ้าแรงดันต่ำที่หุ้มฉนวน PVC ที่ใช้ในอาคารเป็นหลัก แต่ในระบบไฟฟ้ายังมีมาตรฐานสายไฟฟ้า อื่นๆ อีก

ตัวอย่างเช่น มอก. 2341-2564 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับสายไฟฟ้าอากาศหุ้มฉนวน XLPE (Cross-linked Polyethylene) มาตรฐานนี้จะแตกต่างออกไป โดยมุ่งเน้นสายไฟที่ใช้ในระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงดันสูงของการไฟฟ้า (Aerial Cables) ซึ่งใช้ฉนวน XLPE ที่ทนความร้อนและทนต่อสภาพอากาศได้ดีกว่า PVC ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับการใช้งานภายในอาคารทั่วไปที่ มอก. 11-2559 ดูแลอยู่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมาตรฐานสายไฟฟ้า

มาตรฐานสายไฟใหม่ (มอก. 11-2559) มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง

สรุปการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 4 ข้อ คือ

  1. อ้างอิงสากล: เปลี่ยนมาอ้างอิงมาตรฐาน IEC 60227 เป็นหลัก
  2. เปลี่ยนชื่อ: เปลี่ยนชื่อเรียกสายไฟจาก VAF, THW, VCT เป็นรหัส IEC เช่น 60227 IEC 02, IEC 01, IEC 53
  3. เปลี่ยนสี (สำคัญที่สุด): เปลี่ยนระบบสีของฉนวนสายไฟทั้งหมด โดยเฉพาะ N (นิวทรัล) เป็น สีฟ้า และ G (สายดิน) เป็น สีเขียวแถบเหลือง
  4. ปรับพิกัดแรงดัน: จัดกลุ่มพิกัดแรงดันใหม่ (เช่น 300/500V และ 450/750V) ให้สอดคล้องกับ IEC

สายไฟเก่า (มอก. 11-2553) ที่ซื้อมาเก็บไว้ ยังใช้งานได้หรือไม่

ใช้งานได้ หากสายไฟนั้นถูกผลิตก่อนที่ มาตรฐานสายไฟ ใหม่จะมีผลบังคับใช้ และต้องมั่นใจว่าสายไฟถูกเก็บรักษาอย่างถูกต้อง (ไม่โดนแดด/ฝน/ความชื้น) จนฉนวนไม่เสื่อมสภาพ (ไม่แข็งกระด้างหรือแตกร้าว) อย่างไรก็ตาม ผู้ติดตั้งต้องมีความเชี่ยวชาญและเข้าใจระบบสีเก่าเป็นอย่างดี และควรหลีกเลี่ยงการนำไปใช้ในโครงการใหม่ที่ระบุสเปคเป็น มอก. 11-2559 แล้ว

ถ้าบ้านเดินสายไฟสีเก่า (มาตรฐานเดิม) จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดหรือไม่

ไม่จำเป็นต้องรื้อเปลี่ยนทันที หากระบบสายไฟเดิมยังอยู่ในสภาพดี (ฉนวนไม่กรอบแตก) และผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้าโดยผู้เชี่ยวชาญแล้วว่ายังใช้งานได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการต่อเติม ปรับปรุง หรือซ่อมแซมระบบไฟฟ้าในจุดใดจุดหนึ่ง ต้อง ใช้สายไฟตาม มาตรฐานสายไฟ ใหม่ (มอก. 11-2559) เท่านั้น และต้องระมัดระวังในการเชื่อมต่อสีสายไฟเก่ากับใหม่ตามที่แนะนำไว้

สีสายไฟมาตรฐานใหม่สำหรับระบบ 1 เฟส และ 3 เฟส แตกต่างกันอย่างไร

สีของสายนิวทรัล (N) และสายดิน (G) จะเหมือนกันในทุกระบบ แต่จะต่างกันที่สายเฟส (L)

  • ระบบ 1 เฟส (มีสายดิน)
    • L: สีน้ำตาล
    • N: สีฟ้า
    • G: สีเขียวแถบเหลือง
  • ระบบ 3 เฟส (มีสายดิน)
    • L1: สีน้ำตาล
    • L2: สีดำ
    • L3: สีเทา
    • N: สีฟ้า
    • G: สีเขียวแถบเหลือง

วิธีตรวจสอบว่าสายไฟที่ซื้อเป็นของแท้ ได้มาตรฐาน มอก. หรือไม่?

  1. สังเกตเครื่องหมาย มอก.: ต้องมีเครื่องหมาย มอก. พิมพ์อยู่บนฉนวนสายไฟหรือเปลือกอย่างชัดเจน
  2. ตรวจสอบรหัสมาตรฐาน: ต้องระบุ มอก. 11-2559 หรือ TIS 11-2559 (หากเป็นสาย PVC แรงดันต่ำ)
  3. ข้อมูลบนสายครบถ้วน: ต้องมีชื่อผู้ผลิต (เช่น FUHRER), ชนิดสาย (เช่น 60227 IEC 02), พิกัดแรงดัน (เช่น 450/750V) และขนาดสาย (เช่น 2×2.5 SQ.MM.) พิมพ์ชัดเจนและต่อเนื่อง
  4. ลักษณะทางกายภาพ: ฉนวนต้องเรียบเนียน ไม่บวมหรือมีตำหนิ ตัวนำทองแดงต้องมีสีส้มสดใส ไม่คล้ำ และเมื่อตัดดูต้องได้ขนาดเต็มตามที่ระบุ
  5. ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ: เลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรม

สายไฟ 1.5 กับ 2.5 ต่างกันยังไง

สายไฟ 1.5 sq.mm. และ 2.5 sq.mm. แตกต่างกันที่ “ขนาดพื้นที่หน้าตัดของตัวนำทองแดง” ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ “ความสามารถในการรองรับกระแสไฟฟ้า” โดยสาย 2.5 sq.mm. มีขนาดใหญ่กว่า จึงรองรับกระแสไฟฟ้าได้สูงกว่าสาย 1.5 sq.mm. ตามมาตรฐานสายไฟบ้านจึงนิยมใช้สาย 1.5 สำหรับวงจรแสงสว่างที่ใช้กระแสน้อย และใช้สาย 2.5 สำหรับวงจรเต้ารับที่อาจมีการต่อพ่วงเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด

สายไฟเมนที่เดินเข้าบ้านควรใช้สายอะไร

สายไฟเมนคือสายที่เชื่อมต่อจากมิเตอร์ของการไฟฟ้าฯ มายังตู้ควบคุมไฟฟ้าหลักในบ้าน (Consumer Unit) ซึ่งต้องรองรับกระแสไฟฟ้าของทั้งบ้าน จึงต้องมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ชนิดของสายไฟที่นิยมใช้คือ สาย NYY หรือ สาย THW ที่เดินในท่อร้อยสาย ส่วนขนาดจะขึ้นอยู่กับขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า เช่น มิเตอร์ขนาด 15(45)A ควรใช้สายเมนขนาดไม่ต่ำกว่า 16 sq.mm.

มาตรฐานการเดินสายไฟเข้าบ้านมีอะไรบ้าง

มาตรฐานการเดินสายไฟเข้าบ้านครอบคลุมหลายส่วนนอกเหนือจากการเลือกสายไฟ ได้แก่ การติดตั้งตู้ Consumer Unit ที่มีเซอร์กิตเบรกเกอร์ครบถ้วน, การติดตั้งระบบสายดินที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม (หลักดินต้องมีความต้านทานไม่เกิน 5 โอห์ม), การแยกวงจรสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูง, และการใช้ท่อร้อยสายไฟที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดนี้ควรดำเนินการโดยช่างไฟฟ้าผู้ชำนาญการเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสายไฟบ้านและความปลอดภัยสูงสุด

สรุปเกี่ยวกับมาตรฐานสายไฟ

สรุปบทความ

การปฏิบัติตามมาตรฐานสายไฟล่าสุด (มอก. 11-2559) ไม่ใช่แค่ข้อบังคับ แต่คือความรับผิดชอบต่อความปลอดภัย การเลือกใช้สายไฟที่ถูกต้องคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด สำหรับผู้ประกอบการ วิศวกร หรือช่างผู้รับเหมา ที่กำลังมองหาสายไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานสายไฟสากล Fuhrer พร้อมให้บริการ ด้วยประสบการณ์ยาวนานและความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนชั้นนำ เรามุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์สายไฟฟ้าที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด