FUHRER WIRE AND CABLE
News & Articles
อายุการใช้งานสายไฟ

อายุการใช้งานสายไฟ นานกี่ปี พร้อมวิธีเช็กสายไฟหมดอายุ

สายไฟเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงพลังงานไฟฟ้าไปสู่ทุกพื้นที่ภายในบ้าน การละเลยตรวจสอบ อายุการใช้งานสายไฟ อาจนำไปสู่หายนะที่คาดไม่ถึง เช่น เหตุเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจรหรือความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน เพราะวัสดุฉนวนมีวันเสื่อมสภาพตามกาลเวลา บทความนี้จะเจาะลึกว่า สายไฟหมดอายุ เมื่อไหร่ มีวิธีสังเกตเบื้องต้นอย่างไร เพื่อความปลอดภัยของทุกคน วันนี้ Fuhrer Wire ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสายไฟฟ้าคุณภาพสูงระดับสากล จะมาถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คุณปกป้องบ้านได้อย่างมั่นใจ

อายุการใช้งานสายไฟ เฉลี่ยนานกี่ปี

การเข้าใจถึงระยะเวลาที่เหมาะสมของระบบสายไฟเป็นพื้นฐานสำคัญของการดูแลบ้าน เพราะ อายุการใช้งานสายไฟ ไม่ได้คงทนตลอดไป แต่ขึ้นอยู่กับประเภทของวัสดุ วิธีการติดตั้ง และสภาพแวดล้อมที่สายไฟนั้นต้องเผชิญในแต่ละวัน

มาตรฐานอายุการใช้งานสายไฟทั่วไป

โดยทั่วไปแล้ว สายไฟฟ้าที่ใช้ภายในอาคารบ้านเรือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายทองแดงหุ้มฉนวน PVC (Polyvinyl Chloride) จะมีระยะเวลาการทำงานที่มีประสิทธิภาพอยู่ระหว่าง 15-20 ปี หากมีการติดตั้งที่ถูกต้องตาม มาตรฐานสายไฟ และไม่มีการใช้งานที่เกินกำลังไฟที่กำหนด 

ซึ่งตัวเลข 20 ปีนี้ถือเป็นจุดวิกฤตที่เจ้าของบ้านควรเริ่มพิจารณาการตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างละเอียด เนื่องจากสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบในฉนวน PVC จะเริ่มสูญเสียคุณสมบัติความยืดหยุ่นและการเป็นฉนวนไฟฟ้า ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ สายไฟหมดอายุ และนำไปสู่ความไม่ปลอดภัยในที่สุด

แล้วอายุการใช้งานสาย ไฟ 50 ปีเป็นไปได้หรือไม่

ในทางวิศวกรรมไฟฟ้า ตัวเลข อายุการใช้งานสายไฟ ที่ยาวนานถึง 50 ปีนั้น “เป็นไปได้” แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น ตัวอย่างเช่น การเดินสายไฟร้อยท่อ (Conduit) ทั้งประเภทท่อโลหะหรือท่อพลาสติกหนาที่ปิดมิดชิด การร้อยท่อช่วยป้องกันสายไฟจากมลภาวะภายนอก ทั้งความร้อน ความชื้น แสง UV และที่สำคัญคือป้องกันสัตว์กัดแทะได้เป็นอย่างดี 

นอกจากนี้ยังต้องมีการคำนวณขนาดสายไฟให้เหมาะสมกับการโหลดกระแส เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนสะสมภายใน อย่างไรก็ตาม สำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไปที่มีการตีกิ๊บเดินลอยหรือเดินสายในฝ้าที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก การหวังผลให้ใช้งานได้ถึง 50 ปีจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากในทางปฏิบัติ

ปัจจัยหลักที่ทำให้สายไฟเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด

แม้ว่าโรงงานผลิตสายไฟจะออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความทนทานสูง แต่ปัจจัยแวดล้อมมักเป็นตัวเร่งให้เกิดปัญหา สายไฟหมดอายุ ก่อนเวลาอันควร ดังนี้

  • ความร้อนและแสงแดด (UV): รังสีอัลตราไวโอเลตและความร้อนที่สูงเกินไปจะทำให้โมเลกุลของฉนวนพลาสติกแตกตัว ส่งผลให้ฉนวนกรอบและแตกลายงา
  • ความชื้นและการโดนน้ำ: โดยเฉพาะจุดที่ไม่มีการป้องกันน้ำที่ดี หากเป็นสายที่ไม่ใช่ประเภท สายไฟฝังดิน โดยเฉพาะ ความชื้นอาจซึมเข้าสู่แกนทองแดงจนเกิดสนิมเขียวและสูญเสียการนำไฟฟ้า
  • การใช้งานเกินกำลัง: การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมากพร้อมกันเกินกว่าที่สายไฟจะรับไหว ทำให้เกิดความร้อนสะสมจากภายใน จนฉนวนละลายและเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว
  • สารเคมี หรือไอระเหย: ในพื้นที่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรมหรือจุดที่มีสารเคมีรุนแรง ไอระเหยเหล่านั้นอาจกัดกร่อนฉนวนสายไฟได้
  • สัตว์กัดแทะ (หนู, มด, ปลวก): ปัญหาคลาสสิกที่พบได้บ่อย หนูที่กัดสายไฟจนเห็นเนื้อทองแดงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของไฟฟ้าลัดวงจร
  • คุณภาพการติดตั้ง: การเดินสายที่ผิดวิธี เช่น การหักงอสายไฟเกินรัศมีที่กำหนด หรือการขันขั้วต่อไม่แน่น ล้วนส่งผลต่อ อายุการใช้งานสายไฟ ทั้งสิ้น

5 สัญญาณเตือน วิธีเช็กสายไฟหมดอายุด้วยตัวเอง

5 สัญญาณเตือน

การหมั่นสังเกตความผิดปกติของระบบไฟเป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้านทุกคน หากคุณพบสัญญาณเตือนดังต่อไปนี้ นั่นอาจหมายความว่า สายไฟหมดอายุ แล้ว และควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบทันที

1. ฉนวนสายไฟแข็งกระด้างและแตกลายงา

วิธีตรวจสอบที่ง่ายที่สุดคือการสังเกตด้วยสายตาหรือสัมผัส (เมื่อมั่นใจว่าไม่มีกระแสไฟรั่ว) หากพบว่าผิวของฉนวนที่เคยยืดหยุ่นกลับกลายเป็นแข็งกระด้าง มีรอยแตกเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วไป นั่นคือสัญญาณบ่งบอกว่า อายุการใช้งานสายไฟ ของคุณใกล้สิ้นสุดลงแล้ว เนื่องจากพลาสติกหุ้มเสียคุณสมบัติในการปกป้องแกนนำไฟฟ้าไปแล้ว

2. ฉนวนสายไฟเปลี่ยนสี หรือมีรอยไหม้

หากพบว่าสายไฟมีรอยดำ รอยน้ำตาลเข้ม หรือสีของฉนวนดูซีดจางผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณใกล้กับเต้ารับ สวิตช์ หรือขั้วต่อในตู้คอนซูเมอร์ยูนิต สัญญาณนี้มักเกิดจากความร้อนสะสมที่สูงเกินไปจนฉนวนเริ่มไหม้ ซึ่งเป็นระดับความอันตรายที่สูงมาก เสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยได้ทุกเมื่อ

3. สายไฟร้อนผิดปกติเมื่อใช้งาน

ในขณะที่คุณกำลังใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศหรือเครื่องซักผ้า หากลองเอามือไปอังใกล้ๆ สายไฟแล้วรู้สึกถึงรังสีความร้อนที่แผ่ออกมา หรือสัมผัสแล้วรู้สึกว่าสายไฟร้อนจี๋ (ต้องระมัดระวัง) แสดงว่าสายไฟเส้นนั้นอาจมีขนาดเล็กเกินไปสำหรับโหลดไฟฟ้า หรือภายในมีการชำรุดทำให้เกิดความต้านทานสูงผิดปกติ การปล่อยไว้จะเร่งให้เกิดปัญหา สายไฟหมดอายุ เร็วกว่าที่คิด

4. ฉนวนร่อน กรอบ หรือเปื่อยยุ่ย

เมื่อ อายุการใช้งานสายไฟ ผ่านไปนานมากจนถึงขั้นวิกฤต ฉนวน PVC จะเริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นผงหรือหลุดร่อนออกมาเมื่อมีการขยับหรือแตะเพียงเล็กน้อย สภาพนี้ถือว่าอันตรายที่สุด เพราะแกนทองแดงอาจสัมผกันเองหรือสัมผัสกับโครงสร้างบ้านที่เป็นโลหะ จนทำให้ไฟฟ้ารั่วและลัดวงจรได้ทันที

5. ระบบไฟในบ้านมีปัญหาบ่อย

สัญญาณเตือนไม่ได้มาจากตัวสายไฟเพียงอย่างเดียว แต่แสดงออกผ่านระบบ เช่น ไฟตกบ่อยครั้ง ไฟกระพริบโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือเบรกเกอร์ทริป (ตัดไฟ) เองบ่อยๆ แม้จะไม่ได้เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าหนักๆ สัญญาณเหล่านี้มักเกิดจากจุดเชื่อมต่อที่หลวมหรือ สายไฟหมดอายุ ในจุดที่มองไม่เห็น เช่น ในท่อหรือบนฝ้าเพดาน

อันตรายร้ายแรง หากไม่เปลี่ยนสายไฟหมดอายุ

การเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนเรื่อง อายุการใช้งานสายไฟ ไม่ใช่แค่เรื่องของความไม่สะดวกสบาย แต่คือการเอาชีวิตไปเสี่ยงกับอันตรายร้ายแรง 3 ประการ

  • ไฟฟ้าลัดวงจร: เมื่อฉนวนเสียหาย ทองแดงสองเส้นสัมผัสกันจะเกิดประกายไฟที่มีความร้อนสูงมาก ซึ่งสามารถจุดไฟให้ติดกับวัสดุไวไฟใกล้เคียงได้ทันที
  • อันตรายจากไฟดูด: สายไฟหมดอายุ ที่ฉนวนหลุดร่อนอาจทำให้กระแสไฟฟ้ารั่วไหลไปยังผนังบ้าน โครงสร้างโลหะ หรืออุปกรณ์ต่างๆ หากมีคนไปสัมผัสอาจถึงแก่ชีวิตได้
  • การเกิดอัคคีภัย: สถิติอัคคีภัยในบ้านเรือนส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก “ไฟฟ้าลัดวงจร” ซึ่งมักเกิดจากสายไฟที่เสื่อมสภาพสะสมมานานจนถึงจุดที่รับแรงดันไฟฟ้าไม่ไหว

การเลือกใช้สายไฟที่ได้ มาตรฐานสายไฟ จากโรงงานผลิตสายไฟที่น่าเชื่อถือตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้

คำถามที่พบบ่อย

สายไฟที่ร้อยในท่อ (Conduit) อายุการใช้งานนานกว่าสายที่ตีกิ๊บจริงไหม?

จริง เนื่องจากการร้อยท่อช่วยปกป้องสายไฟจากปัจจัยทำลายภายนอก เช่น แสง UV ความชื้น และสัตว์กัดแทะ ทำให้ อายุการใช้งานสายไฟ ยืดออกไปได้นานขึ้นเมื่อเทียบกับการเดินสายแบบตีกิ๊บที่สัมผัสกับสภาพแวดล้อมโดยตรง

ถ้าพบสายไฟแตกแค่จุดเดียว ต้องเปลี่ยนทั้งบ้านหรือไม่

ควรให้ช่างไฟฟ้าวิชาชีพเข้ามาประเมินภาพรวม หากจุดที่แตกเกิดจากอุบัติเหตุเฉพาะจุดแต่สายส่วนที่เหลือยังอยู่ในสภาพดี อาจเปลี่ยนเฉพาะจุดได้ แต่ถ้าสาเหตุมาจากความเสื่อมสภาพตามกาลเวลา (เช่น บ้านมีอายุ 20 ปีแล้ว) มีความกะสูงมากที่จุดอื่นๆ จะทยอยเกิดปัญหาตามมา การเดินสายใหม่ทั้งระบบจะปลอดภัยกว่าในระยะยาว

การเปลี่ยนสายไฟใหม่ทั้งบ้าน (Rewire) มีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่

ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับขนาดของที่พักอาศัย จำนวนจุดไฟฟ้า และความซับซ้อนของการติดตั้ง รวมถึงชนิดของสายไฟที่เลือกใช้ (เช่น สายภายในทั่วไป หรือ สายไฟฝังดิน) แม้จะดูเป็นเงินก้อนใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ถือเป็นการลงทุนที่จำเป็น

เราสามารถซ่อมสายไฟที่แตกด้วยเทปพันสายไฟได้หรือไม่

ไม่แนะนำสำหรับการซ่อมแซมถาวร เทปพันสายไฟเหมาะสำหรับการป้องกันชั่วคราวเท่านั้น เพราะกาวของเทปจะเสื่อมสภาพตามความร้อนและเวลา หากพบว่า สายไฟหมดอายุ หรือฉนวนแตก ควรเปลี่ยนสายเส้นใหม่ที่ได้ มาตรฐานสายไฟ จะปลอดภัยที่สุด

บ้านใหม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องสายไฟหมดอายุหรือไม่

โดยปกติบ้านใหม่จะมีความปลอดภัยสูงในช่วง 10-15 ปีแรก อย่างไรก็ตาม หากมีการต่อเติมบ้าน ติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูงเพิ่มขึ้น (เช่น แท่นชาร์จรถ EV) หรือพบปัญหาสัตว์กัดแทะ ก็ควรทำการตรวจสอบเป็นระยะเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนกำหนด\

สรุปบทความ

สรุปบทความ

การทำความเข้าใจเรื่อง อายุการใช้งานสายไฟ และคอยสังเกตสัญญาณของ สายไฟหมดอายุ เป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยภายในอาคาร ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัยหรือโรงงานอุตสาหกรรม การเลือกใช้สายไฟที่มีคุณภาพและได้รับมาตรฐานสายไฟที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยยืดอายุความปลอดภัยและลดภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในอนาคต 

สำหรับผู้ประกอบการ เจ้าของโครงการ หรือท่านใดที่กำลังมองหาสายไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ทั้งความทนทานและความปลอดภัย Fuhrer Wire ในฐานะโรงงานผลิตสายไฟชั้นนำ พร้อมให้บริการและคำปรึกษาด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกการเชื่อมต่อทางไฟฟ้าของคุณจะเป็นไปอย่างมั่นคงและปลอดภัยสูงสุดตลอดอายุการใช้งาน