FUHRER WIRE AND CABLE
News & Articles
อายุการใช้งานสายไฟ

ไฟรั่ว เช็กอย่างไร รวมวิธีตรวจสอบและป้องกัน อันตรายถึงชีวิต

ไฟรั่ว หรือ Electricity Leak คือปรากฏการณ์ที่กระแสไฟฟ้าไหลรั่วออกจากวงจรปกติผ่านทางฉนวนที่ชำรุดหรือจุดต่อที่หลวม ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าไหลไปตามโครงโลหะของอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือลงสู่พื้นดิน ซึ่งเป็นอันตรายที่มองไม่เห็นแต่ส่งผลร้ายแรงทั้งต่อชีวิตจากการโดนไฟฟ้าดูด และความเสียหายต่อทรัพย์สินจากเหตุเพลิงไหม้ รวมถึงปัญหาค่าไฟพุ่งสูงผิดปกติ บทความนี้จะเจาะลึกวิธีสังเกต ตรวจสอบ และป้องกันปัญหาอย่างมืออาชีพ โดย Fuhrer ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสายไฟฟ้าคุณภาพสูง จะพาไปทำความเข้าใจเพื่อสร้างระบบไฟฟ้าที่มั่นคงและปลอดภัยสำหรับทุกคน

ไฟรั่ว อันตรายกว่าที่คิด

ปัญหา ไฟรั่ว ไม่ใช่เรื่องไกลตัวและมีความอันตรายแฝงอยู่รอบด้าน หากกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายมนุษย์อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุหลักของการเกิดความร้อนสะสมที่นำไปสู่อัคคีภัยและการสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์

อันตรายจากไฟดูดถึงชีวิต

เมื่อเกิด ไฟรั่ว ลงบนโครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วคนเข้าไปสัมผัส กระแสไฟฟ้าจะใช้ร่างกายเป็นทางผ่านเพื่อไหลลงดิน ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกร็ง หัวใจทำงานผิดจังหวะ หรือหยุดเต้นได้ทันที ความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับปริมาณกระแสไฟฟ้าและระยะเวลาที่สัมผัส ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้ามได้ในทุกครัวเรือน

สัญญาณเตือนภัยจากค่าไฟที่พุ่งสูง

ในกรณีที่ ไฟรั่ว ไหลลงสู่ดินหรือผนังบ้านโดยตรง มิเตอร์ไฟฟ้าจะยังคงหมุนทำงานอย่างต่อเนื่องแม้จะไม่ได้เปิดใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าใดๆ ก็ตาม ส่งผลให้ยอดชำระค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนพุ่งสูงขึ้นอย่างผิดปกติ การเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เสียทรัพย์ แต่ยังบ่งบอกถึงความเสี่ยงของจุดที่กระแสไฟฟ้ากำลังรั่วไหลซึ่งอาจเกิดความร้อนจนไฟไหม้ได้

สาเหตุหลักของ ไฟรั่ว เกิดจากอะไร

การทราบถึงต้นเหตุของปัญหาจะช่วยให้เราสามารถวางแผนป้องกันได้อย่างตรงจุด โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์หรือกระบวนการติดตั้งที่ไม่เป็นไปตามหลักวิศวกรรมไฟฟ้าที่ถูกต้องและปลอดภัย

อุปกรณ์ไฟฟ้าเสื่อมสภาพและฉนวนชำรุด

เมื่อสายไฟผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน ฉนวนหุ้มสายอาจกรอบ แตก หรือถูกหนูกัดแทะจนแกนทองแดงสัมผัสกับโครงสร้างอื่น นอกจากนี้หากเลือกใช้สายไฟที่ไม่ได้รับ มาตรฐานสายไฟ ที่กำหนด อายุการใช้งานจะสั้นลงและเสี่ยงต่อการเกิด ไฟรั่ว ได้ง่ายกว่าปกติ การตรวจสอบสภาพฉนวนอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นขั้นตอนการซ่อมบำรุงที่สำคัญที่สุด

การติดตั้งไม่ได้มาตรฐานและปัจจัยความชื้น

การเดินสายไฟฟ้าโดยช่างที่ขาดความชำนาญ หรือการใช้สายไฟผิดประเภท เช่น การนำสายไฟทั่วไปมาใช้งานเป็น สายไฟฝังดิน โดยไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม จะทำให้ความชื้นซึมเข้าสู่ระบบจนเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วไหลได้ง่าย รวมถึงการต่อสายไฟที่ไม่แน่นพอในจุดเชื่อมต่อต่างๆ ก็เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความร้อนและฉนวนละลายจนนำไปสู่ปัญหาในที่สุด

วิธีเช็ก ไฟรั่ว ด้วยตัวเอง ทำอย่างไร

การตรวจสอบระบบไฟฟ้าเบื้องต้นเป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านสามารถดำเนินการได้เองในระดับหนึ่ง เพื่อประเมินความเสี่ยงและหาจุดบกพร่องก่อนที่จะลุกลามจนกลายเป็นอันตรายร้ายแรงต่อผู้อยู่อาศัย

1. สังเกตอาการเบื้องต้น

หากรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆ หรือความรู้สึกเหมือนเข็มแทงเมื่อสัมผัสโครงโลหะของเครื่องซักผ้า ตู้เย็น หรือคอมพิวเตอร์ ให้สันนิษฐานได้ทันทีว่ามี ไฟรั่ว เกิดขึ้น นอกจากนี้ควรเปรียบเทียบหน่วยการใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือน หากพบว่าค่าไฟเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดโดยพฤติกรรมการใช้ไฟยังคงเดิม ควรเริ่มกระบวนการตรวจสอบเชิงลึกทันที

2. การใช้ไขควงวัดไฟ

ไขควงวัดไฟเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ควรมีติดบ้าน โดยวิธีเช็กคือการนำปลายไขควงไปแตะที่โครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้าในขณะที่เปิดสวิตช์ใช้งาน หากหลอดไฟในไขควงสว่างขึ้น แสดงว่ามี ไฟรั่ว ออกมาที่ผิวสัมผัสของอุปกรณ์นั้นๆ อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ไขควงวัดไฟสามารถตรวจจับได้เฉพาะแรงดันไฟที่สูงพอสมควรเท่านั้น แต่อาจไม่พบในจุดที่รั่วซึมเพียงเล็กน้อย

3. การใช้มัลติมิเตอร์

สำหรับผู้ที่มีทักษะเชิงเทคนิค การใช้มัลติมิเตอร์จะให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่า โดยตั้งย่านวัดไปที่ AC Voltage แล้ววัดค่าแรงดันระหว่างโครงโลหะของอุปกรณ์กับจุดกราวด์หรือพื้นดินที่ชื้น หากมิเตอร์แสดงค่าตัวเลขแรงดันไฟฟ้าขึ้นมา แสดงว่ามีกระแส ไฟรั่ว ไหลผ่านอุปกรณ์นั้น ซึ่งควรดำเนินการแก้ไขโดยการเปลี่ยนอุปกรณ์หรือติดตั้งระบบสายดินให้สมบูรณ์

4. การตรวจสอบที่มิเตอร์ไฟฟ้า

วิธีการที่ชัดเจนที่สุดคือการปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดและถอดปลั๊กออกให้หมด จากนั้นไปสังเกตที่มิเตอร์ไฟฟ้าหน้าบ้าน หากแผ่นจานยังหมุนหรือตัวเลขดิจิทัลยังมีการขยับ แสดงว่ามี ไฟรั่ว ในระบบเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร ซึ่งอาจเกิดจากสายไฟที่เดินซ่อนในผนังหรือฝ้าเพดานเกิดชำรุด จึงจำเป็นต้องประสานงานช่างไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบจุดรั่วไหลโดยละเอียด

แนวทางป้องกันและแก้ไขเมื่อเกิด ไฟรั่ว

แนวทางป้องกันและแก้ไขเมื่อเกิด ไฟรั่ว

การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข การวางระบบไฟฟ้าที่มีมาตรฐานตั้งแต่วันแรกจะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยเงียบนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยเน้นที่การสร้างเส้นทางให้กระแสไฟฟ้าไหลลงดินได้อย่างปลอดภัย

หัวใจสำคัญ: การติดตั้งสายดิน (Ground Wire)

สายดินเป็นระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่จะทำหน้าที่นำกระแส ไฟรั่ว ให้ไหลลงสู่พื้นดินแทนการไหลผ่านร่างกายมนุษย์ การเดินสายดินที่ถูกต้องต้องเชื่อมต่อจากโครงเครื่องใช้ไฟฟ้าไปยังหลักดิน (Ground Rod) ที่ฝังลงในดินลึกตามมาตรฐานวิศวกรรม ซึ่งถือเป็นปราการด่านแรกที่ช่วยรักษาชีวิตของผู้อยู่อาศัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางไฟฟ้า

อุปกรณ์เสริมความปลอดภัย: เครื่องตัดไฟรั่ว (RCD/RCBO)

เครื่องตัดไฟรั่วจะทำหน้าที่ตรวจจับความไม่สมดุลของกระแสไฟฟ้าในวงจร หากพบว่ามีกระแสไฟฟ้าบางส่วนหายไป (ซึ่งหมายถึงการเกิด ไฟรั่ว) อุปกรณ์จะตัดการทำงานของวงจรทันทีภายในเสี้ยววินาที การติดตั้ง RCD หรือ RCBO ควบคู่ไปกับการใช้สายไฟที่ได้รับ มาตรฐานสายไฟ จะช่วยยกระดับความปลอดภัยให้ครอบคลุมทั้งปัญหาไฟดูด ไฟรั่ว และไฟช็อต

ข้อควรปฏิบัติเมื่อตรวจพบ ไฟรั่ว

เมื่อยืนยันได้ว่ามีจุดที่เกิด ไฟรั่ว ให้ทำการปิดเซอร์กิตเบรกเกอร์ของวงจรนั้นทันทีเพื่อตัดกระแสไฟ ห้ามสัมผัสอุปกรณ์ตัวนั้นด้วยมือเปล่า และควรเรียกช่างไฟฟ้าที่มีความชำนาญเข้ามาตรวจสอบสภาพสายไฟและจุดต่อต่างๆ การฝืนใช้งานอุปกรณ์ที่มีปัญหาต่อไปไม่เพียงแต่จะเพิ่มค่าไฟ แต่ยังเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยที่ยากจะควบคุมได้ในภายหลัง

คำถามที่พบบ่อย

ไฟรั่ว แต่ไม่โดนดูด เป็นไปได้ไหม

เป็นไปได้ในกรณีที่บ้านมีการติดตั้งระบบสายดินที่สมบูรณ์ กระแสไฟฟ้าที่รั่วออกมาจะไหลลงสู่ดินผ่านทางสายกราวด์แทนที่จะรอสัมผัสกับตัวคน อย่างไรก็ตาม หากกระแสที่รั่วมีปริมาณมาก มิเตอร์ไฟฟ้าจะยังคงหมุนทำงานทำให้ค่าไฟแพง และหากจุดรั่วเกิดความร้อนสะสมนานๆ ก็ยังคงเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ได้เช่นเดิม

เครื่องตัดไฟรั่ว (เบรกเกอร์กันดูด) จำเป็นต้องมีไหม

มีความจำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในจุดที่เสี่ยงต่อความชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือจุดติดตั้งปั๊มน้ำ เครื่องตัดไฟรั่วจะช่วยเสริมการทำงานของระบบสายดิน โดยจะตัดวงจรไฟฟ้าทันทีที่ตรวจพบว่ามี ไฟรั่ว เพียงเล็กน้อยก่อนที่จะเกิดอันตรายร้ายแรง ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความปลอดภัยของชีวิตคนในครอบครัว

ค่าไฟแพง เกิดจาก ไฟรั่ว จริงหรือ

ไฟรั่ว เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าไฟแพงขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่รั่วไหลลงดินหรือไหลผ่านผนังปูนจะถูกมิเตอร์นับเป็นหน่วยการใช้งานตามปกติ หากพบว่าค่าไฟพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่ไม่ได้เพิ่มอุปกรณ์ไฟฟ้า การตรวจสอบจุดรั่วไหลของไฟฟ้าคือสิ่งแรกที่เจ้าของบ้านควรดำเนินการเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

ควรตรวจสอบ ไฟรั่ว บ่อยแค่ไหน

แนะนำให้ตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะบ้านที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป หรือหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมขัง เพราะความชื้นอาจสะสมในจุดที่เป็น สายไฟฝังดิน หรือตามท่อร้อยสายไฟ ทำให้ฉนวนเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด การตรวจสอบสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณพบปัญหาและแก้ไขได้ทันท่วงที

ถ้าบ้านไม่มีสายดิน จะป้องกัน ไฟรั่ว ได้อย่างไร

หากโครงสร้างบ้านเก่าไม่มีระบบสายดิน วิธีป้องกันที่เห็นผลที่สุดคือการติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว (RCD) ที่ตู้ควบคุมหลักหรือเปลี่ยนมาใช้เต้ารับชนิดที่มีระบบกันดูดในตัว ควบคู่ไปกับการหมั่นเช็กสภาพสายไฟให้มีความสมบูรณ์อยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงระบบไฟฟ้าเพื่อเพิ่มการเดินสายดินยังคงเป็นวิธีที่ปลอดภัยและยั่งยืนที่สุดตามมาตรฐานสากล

สรุปบทความเรื่องไฟรั่ว

สรุปบทความ

การทำความเข้าใจเรื่อง ไฟรั่ว เป็นทักษะสำคัญที่ช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของคุณได้อย่างแท้จริง ตั้งแต่การรู้จักสาเหตุ การฝึกสังเกตสัญญาณเตือน ไปจนถึงการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันที่ได้มาตรฐาน สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยไร้ความกังวล 

สำหรับผู้ประกอบการและเจ้าของบ้านท่านใดที่กำลังมองหาสายไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ได้รับมาตรฐานสายไฟระดับสากล Fuhrer พร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาในฐานะโรงงานผลิตสายไฟชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญสูง ด้วยความไว้วางใจจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาอย่างยาวนาน เรามุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อระบบไฟฟ้าที่มั่นคงของคุณ